บิลลี่ ฮอลิเดย์ คือหนึ่งในนักร้องเสียงทรงพลังตลอดกาล เป็นราชินีเพลงแจ๊ส ผู้ใช้เวลาตลอดทั้งชีวิตคลุกคลีอยู่กับความยากจน ความรุนแรงและการเหยียดเชื้อชาติ ในวัยเด็กเธอมีชื่อว่า "เอเลนอรา แฮร์ริส" พ่อแม่ยกเธอให้คนอื่นเลี้ยงดู จนเด็กหญิงถูกผู้ชายข้างบ้านข่มขืนตอนอายุ 11 เธอเริ่มทำงานเป็นนางทางโทรศัพท์ตอนอ
บิลลี่ ฮอลิเดย์ คือหนึ่งในนักร้องเสียงทรงพลังตลอดกาล เป็นราชินีเพลงแจ๊ส ผู้ใช้เวลาตลอดทั้งชีวิตคลุกคลีอยู่กับความยากจน ความรุนแรงและการเหยียดเชื้อชาติ ในวัยเด็กเธอมีชื่อว่า "เอเลนอรา แฮร์ริส" พ่อแม่ยกเธอให้คนอื่นเลี้ยงดู จนเด็กหญิงถูกผู้ชายข้างบ้านข่มขืนตอนอายุ 11 เธอเริ่มทำงานเป็นนางทางโทรศัพท์ตอนอายุ 12 เธอร้องเพลงครั้งแรกในซ่อง และเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น "บิลลี่ ฮอลิเดย์" เมื่อเธอร้องเพลงต่อต้านการเหยียดผิวอย่าง Strange Fruit ในปี 1939 ทำให้เธอกลายเป็นศัตรูของรัฐ จนเคยถูกลอบยิง จากกลุ่มผู้ต่อต้านคนผิวดำ
Strange Fruit ถือเป็นหนึ่งในเพลงแจ๊สที่กล้าหาญที่สุดเพลงหนึ่งในประวัติศาสตร์ บทเพลงที่ส่งเสียงถึงการต่อสู้ของคนผิวสี ตัวเพลงนี้พูดถึงการทำร้าย คนผิวดำที่เกิดขึ้นอย่างหนักทางตอนใต้ในยุคนั้น การฆ่า การรุมประชาทัณฑ์เหยื่อและนำไปแขวนคอประจานตามต้นไม้ ตัวเพลงเริ่มต้นด้วยประโยคว่า 'Southern trees bearing strange fruit Blood on the leaves and blood at the roots' บิลลี่ ฮอลิเดย์ ถือเป็นผู้หญิงคนแรก ๆ ที่ออกมาเผชิญหน้ากับการเหยียดผิวและความอยุติธรรมอย่างเปิดเผย และเธอต้องจ่ายราคาให้ร้องความจริงสู่สายตาชาวโลก ด้วยราคาที่แสนแพง ด้วยการถูกโต้กลับ และเหยียดหยาม จากคนผิวขาว แต่เธอไม่เคยหยุดร้องเพลงนี้ แม้จนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ในปี 1971 นักข่าวชื่อ "ลินดา ลิปแน็ก คีล" ได้ออกเดินทางเพื่อเขียนชีวประวัติในบั้นปลายชีวิตของ บิลลี่ ซึ่งกว่า 8 ปีที่เธอตามล่าหาข้อมูลและบันทึกเทปสัมภาษณ์กว่า 200 ชั่วโมงจากผู้คนที่เกี่ยวข้องกับนักร้องชื่อดังคนนี้ รวบรวมจากคำให้การที่ตรงไปตรงมาของพ่อแม่เลี้ยงของเธอ เพื่อนในโรงเรียน เพื่อนร่วมห้องขัง ทนายความ โปรดิวเซอร์ เพื่อนสนิท แมงดา และแม้แต่เจ้าหน้าที่ FBI ผู้จับกุม แต่หนังสือของลินดาไม่เคยได้รับการตีพิมพ์และเทปก็ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนจนถึงตอนนี้